วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

10 ผลไม้ทำให้อ้วนได้

ผลไม้กินแล้วดี มีประโยชน์เหลือหลาย

แต่บางครั้งเราก็ต้องเลือกกินและกินในปริมาณที่พอดีบ้าง เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งทำให้สาวๆ กินแล้วอ้วนได้ เอ้า!! แล้วผลไม้อะไรที่กินแล้วอ้วนบ้างหนอ... เราก็มีอันดับของผลไม้ที่สาวๆ ควรระลึกไว้ว่าอันไหน "กินแล้วอ้วนสุดสุด"



ผลไม้ชนิดแรกที่กินแล้วอ้วนสุดสุด คือ


1. กล้วยไข่


2. กล้วยน้ำว้า




3. ขนุน



4. กล้วยหอม



5. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก



6. ลำไยกะโหลกเขียว




7. ลองกอง



8. เงาะ



9. ลางสาด



10.




ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมากๆ ใครที่กินแล้วละก็...รับรองได้ชัวร์ว่าอ้วนแน่!!!




ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนได้แก่ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม

เหตุผลดี ๆ ของการกินผลไม้

เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมถ้าอยากกินผิวสวยใส สุขภาพดีจะต้องกินผลไม้ ถ้าคุณยังคิดไม่ออก งั้นลองมาอ่านข้างล่างนี้กันดูดีมั้ย เผื่อจะช่วยให้คุณถึงบางอ้อได้เร็วขึ้น

1. 80% ของผลไม้คือน้ำ

คิดไม่ถึงละสิว่า ผลไม้จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 80% ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนพอ ๆกันน้ำในร่างกายของเราทีเดียวล่ะ อีกทั้งอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบเยอะ ๆ จะถูกย่อยได้ง่ายกว่าอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ซะอีก

อย่างเช่นถ้าคุณกินสเต็กร่างกายจะใช้เวลาย่อยนานประมาณ 8-10 ชั่วโมง





ในขณะที่ฟรุตสลัดใช้แค่ 30 นาที ก็เพียงพอแล้วค่ะนอกจากนี้ การกินผลไม้ยังช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารต่าง ๆ ไปใช้ได้เร็วขึ้น ทำให้ร่างกายนำพลังงานไปใช้ได้เร็วกว่าการย่อยอีก


2. โลว์แฟต

ผลไม้จะประกอบด้วยคาร์โบไฮเตรต และ อาจมีโปรตีนบ้างเล็กน้อย แต่ที่แน่ ๆ จะมีไขมัน น้อยมาก ๆ หรือแทบไม่มีเลย (ยกเว้นอะโวคาโดซึ่งมีไขมันอยู่ถึง 31 กรัมเชียวค่ะ) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มาจากเนื้อสัตว์และนมมักจะมีไขม กันอยู่ในปริมาณที่มากกว่า
นอกจากนี้ ในผลไม้ยังมีไฟเบอร์ซึ่งช่วยให้ท้องอิ่ม ป้องกันความดันเลือดสูง และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ต่อการเป็นโรคหัวใจ หากสาว ๆ คนไหนอยากมีสุขภาพดีพร้อมกับหุ่นผอมเพรียวแล้วละก็ ขอแนะนำให้กินผลไม้เพื่อให้ได้ไฟเบอร์อย่างน้อยวันละ 25 – 30 กรัม

3. กระตุ้นความจำ

ผลไม้โดยเฉพาะแครอท นับว่าเป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับสมองทีเดียวล่ะ ทั้งนี้ก็เพราะในผลไม้มีน้ำตาลซึ่งช่วยให้สมองสามารถ จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้เร็วและง่ายขึ้น ฉะนั้น หากสาว ๆ คนไหนจำเป็นต้องทำงานที่ใช้ความจำมาก ๆ ลองหันมากินผลไม้เป็นประจำทุกวัน จะช่วยได้มากที่เดียว



4. อุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ผลไม้ทุกประเภทอุดมไปด้วยวิตามิน และ แร่ธาตุต่างๆ เช่น

• แคนตาลูป กล้วย มะม่วง มีแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามมินเอ

• ส้ม องุ่น และผลไม้รสเปรี้ยวต่าง ๆ มีวิตามินซี ซึ่งช่วยให้เซลล์ร่างกายยึดติดกันและเพิ่มการดูดซึมธ าตุเหล็กจากอาหาร

• ผลไม้แห้งอย่างลูกเกดและลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของธาตุเหล็กและโพแทสเซียม ซึ่งธาตุเหล็กจะไปรวมกับโปรตีนเป็นฮีโมโกลบิน ขนออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย

ระวังติดเชื้อจากสระว่ายน้ำ

ระวังติดเชื้อจากสระว่ายน้ำ


คุณๆที่นิยมชมชอบการว่ายน้ำเป็นประจำ ทราบไหมว่าการว่ายน้ำ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ

ได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับอวัยวะเพศหรือช่องคลอดรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ พงษ์ศักดิ์ ชัยศิลป์วัฒนา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อธิบายว่า การว่ายน้ำอาจจะทำให้มีอาการอักเสบของเยื่อบุปากทางช่องคลอด ซึ่งเป็นอาการที่พบหลังว่ายน้ำ โดยจะมีอาการแสบๆ ที่ปากช่องคลอด นอกจากนี้เมื่อปัสสาวะสัมผัสถูกบริเวณดังกล่าว จะมีผลให้บางคนมีอาการตกขาว


เมื่อตรวจภายในจะพบอาการอักเสบของเยื่อบุช่องคลอดอย่างชัดเจน

แต่ทั้งนี้เมื่อตรวจอีกครั้ง ไม่สามารถพบต้นเหตุของโรคได้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการแพ้คลอรีนในน้ำที่มีส่วนผสมในอัตราส่วนที่เข้มข้นเกินไป นอกจากนี้ โรคที่เกิดในปากช่องคลอดที่เคยพบ ซึ่งเป็นผลมาจากการว่ายน้ำในสระ ได้แก่ โรคพยาธิในช่องคลอดและโรคจากเชื้อรา เพราะเชื้อพยาธิและเชื้อราสามารถดำรงอยู่ในน้ำสะอาดที่มีคลอรีนเจือจางได้ โดยจะทำให้เกิดอาการอักเสยและตกขาว

รวมทั้งอาการคันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอดสำหรับ เชื้อกามโรค อื่นๆ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส และ เริม นั้น ไม่พบชัดเจนว่าผู้ป่วยติดเชื้อจากการว่ายน้ำธรรมดา

ฉะนั้นในขณะเล่นน้ำควรระวังไม่ให้น้ำเข้าทางปาก

เพราะเชื้อโรคบางชนิดอาจอยู่ในน้ำ เช่น โรคท้องร่วง และ ตับอักเสบส่วนสระว่ายน้ำบางแห่งที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลรักษาความสะอาดเท่าที่ควร มีกระเบื้องแตกและชำรุด เมื่อว่ายน้ำไปกระทบกระเบื้องจนเกิดบาดแผล จะทำให้ ติดเชื้อแบคทีเรีย กลายเป็นแผลเรื้อรังคล้ายแผลจากเชื้อวัณโรคผิวหนัง ซึ่งการรักษาค่อนข้างอยาก แต่สามารถรักษาให้หายได้



วิธีการป้องกัน
- ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสระว่ายน้ำ เช่น อาบน้ำทุกครั้งก่อนลงสระ
- นักว่ายน้ำควรตรวจร่างกายก่อนอย่างการเจาะเลือดตรวจภาวะภูมิคุ้มกันโรค
- เมื่อพบความผิดปกติหลังจากการว่ายน้ำควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ และที่สำคัญ ควรงดการว่ายน้ำในช่วงที่พบความผิดปกติ
- ขณะว่ายน้ำระวังอย่าให้น้ำเข้าปาก

ว่ายน้ำครั้งต่อไปคุณคงมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องแล้วนะคะ แต่การดูแลเอาใจใส่เรื่องความสะอาดควรจะพอดีๆ เดี๋ยวมากเกินไปจะกลายเป็นความวิตกกังวลค่ะ เพราะจริงๆ แล้วร่างกายของเราก็มีภูมิต้านทานไว้ต่อกรกับเจ้าเชื้อโรคนานาชนิดอยู่แล้ว

10 ข้ออ้างยอดฮิต เลี่ยงออกกำลังกาย





1. ฉันแก่เกินไปที่จะออกกำลังกาย ทั้งที่การออกกำลังกายช่วยให้คุณอยู่ได้ยืนยงขึ้นก็ตาม เอาเป็นว่าไม่ต้องกลัวว่าแก่แล้วออกกำลังกายจะเป็นอันตราย ก่อนอื่นปรึกษาหมอประจำตัวเลยว่าสุขภาพคุณพร้อมแค่ไหน ควรระวังอะไร และควรเริ่มต้นอย่างไร

2. ฉันต้องการลดน้ำหนักตัวลงก่อน เพราะตอนนี้อ้วนเกินไป เป็นไปไม่ได้เลยถ้าคุณจะลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกายคู่ไปกับการลดอาหาร เหตุที่อยากลดน้ำหนักตัวลงก่อนส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าอายที่จะต้องไปอวดรูปร่างจ้ำม่ำตามยิมหรือฟิตเนสคลับ ทางแก้ไม่ยากคือหาเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ มาใส่ช่วยอำพรางได้มาก แต่ที่สำคัญเวลาคุณเข้าฟิตเนสแต่ละคนเขาไม่มัวมาสนใจกันหรอก เพราะต่างคนต่างก็ขะมักเขม้นในการออกกำลังกายกันทั้งนั้น เอาเป็นว่าถ้าอายจริง ก็ซื้อวีซีดีการออกกำลังกายหรือเต้นแอโรบิคที่มีขายแพร่หลายมาฝึกเองที่บ้านแล้วกัน

3. ฉันผอมพอแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่าคนที่คิดว่าตัวเองผอมหุ่นดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอีกนั้นจะมีสุขภาพที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมากยิ่งกว่าคนที่สูบบุหรี่แล้วขยันออกกำลังกายเสียด้วยซ้ำ ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสำหรับคนผอมคือเรื่องจำเป็นเท่าๆ กับคนอื่นๆ

4. ฉันไม่มีเวลาเลย ข้อนี้ฮิตจริงๆ ทางแก้มีอยู่ว่าต่อไปนี้คุณต้องให้ความสำคัญของการออกกำลังกายเทียบเท่าการนัดพบเจรจาธุรกิจ โดยใส่คิวการออกกำลังกายของคุณลงไปในตารางนัดงานของคุณด้วย หรืออย่างน้อยก็ควรจัดเวลาให้ตัวเองอย่างจริงจังที่บ้าน ก่อนหรือหลังมาทำงาน อย่าลืมว่าคนที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจจำเป็นต้องมีสุขภาพที่ฟิตอยู่เสมอ

5. ราคาแพงเกินไป คุณอาจจะเห็นว่าราคาค่าสมาชิกฟิตเนสคลับหรือสปอร์ตคลับต่างๆ นั้นจะแสนแพง เลยตัดสินใจไม่ได้สักที จริงๆ แล้วการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเลย เช่น การเดินออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีที่ต่อสุขภาพ คุณเริ่มเดินในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น เดินรอบบ้าน เดินรอบหมู่บ้านก็ได้ หรือจะกระโดดเชือกที่บ้านก็ได้ ราคาค่าเชือกคงไม่สู้ได้

6. ฉันเหนื่อยเกินไปที่จะออกกำลังกาย บ่อยครั้งที่คนไม่อยากออกกำลังกายเพราะว่าเหนื่อยจากงานมากพอแล้ว แต่อย่าลืมว่าการออกกำลังกายคือการคืนพลังชีวิตให้คุณได้สมบูรณ์แบบขึ้นต่างหาก

7. มันร้อนมากจนไม่อยากออกกำลังกาย เป็นข้ออ้างอย่างแท้จริงเพราะคุณสามารถออกกำลังกายตอนเช้าหรือเย็นๆ ที่อากาศยังไม่ร้อนก็ได้ หรือเลือกกีฬาในร่ม หรือกีฬาที่เย็นๆ ก็มี เช่น ว่ายน้ำ หรือเข้าฟิตเนสเพราะมีเครื่องปรับอากาศอยู่แล้วทุกที่

8. การออกกำลังกายทำให้ฉันเบื่อ การออกกำลังกายมีสารพัดรูปแบบ คุณอาจจะยังค้นไม่พบแบบที่คุณจะสนุกด้วย ต้องดูว่าตัวเองชอบออกกำลังกายคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม ชอบแบบมีชีวิตชีวาก็มีให้เลือกมากมายสมัยนี้ เช่น body combat ขี่จักรยานประกอบเพลง แอโรบิค เต้นรำ หรือชอบการแข่งขัน กีฬาอย่างเทนนิส แบดมินตัน สค็วอช์ก็น่าจะเหมาะกับคุณบ้าง

9.ฉันเพิ่งไปดูดไขมันมา จึงไม่อยากออกกำลังกายให้เสียรูปทรง แม้ว่าการศัลยกรรมความงามจะช่วยคุณได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างลืมว่ารูปร่างที่สวยได้สัดส่วนจะต้องมีความฟิตและเฟิร์มซึ่งได้จากการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เท่านั้น

10.ฉันบาดเจ็บ ถ้าคุณบาดเจ็บอาจจะจากการออกกำลังกายมาก่อนหรืออุบัติเหตุใดๆ ก็ตาม การออกกำลังกายกลับจะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และการทำงานของอวัยวะที่บาดเจ็บกลับคืนมาดีขึ้น เพียงแต่ว่าคุณต้องปรับโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาวะตอนนั้นของร่างกายคุณมากกว่า
ทุกข้ออ้างล้วนมีที่มาและมีทางแก้ ลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันดีกว่า แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับสุขภาพของคุณ...จริงๆ

เราควรจะออกกำลังกาย เวลาไหนดี ?

หลายคนสงสัยว่า เราควรจะออกกำลังกายเวลาไหนดี เช้า กลางวันหรือ เย็น หากเลือกเวลาที่เหมาะสม การเผาผลาญไขมันจะดีกว่า ในขณะที่ใช้เวลาออกกำลังกายเท่ากัน แต่ช่วงเวลาต่างกันเยอะ เวลาที่ดีที่สุดของการออกกำลังกายขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของการออกกำลังกายนั้นเพื่ออะไร


หากต้องการลดน้ำหนัก




ควรออกกำลังกายตอนเช้า เพราะจะช่วยเผาผลาญแคลอรีดีกว่าตอนเย็น เพราะร่างกายจะนำเอาคาร์โบไฮเดรตจากอาหารมื้อเย็นเของเมื่อวานมาใช้เป็นพลังงาน กฏของการลดความอ้วนนั้นไม่ยากค่ะ “กินให้น้อยใช้ให้เยอะ” เท่านั้นเอง





หากต้องการกล้ามเนื้อที่แข็งแรง




ควรใช้เวลาในช่วงบ่าย เพราะจากผลการวิจัยเขาบอกมาแล้วว่า กล้ามเนื้อจะใช้งานได้ดีที่สุดตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป
ออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลาย
ควรจะเป็นช่วงบ่ายๆค่ะ เพราะออกกำลังกายในช่วงบ่ายของวัน จะช่วยทำให้หลับสบายเวลากลางคืนทำให้ไม่เครียดด้วย


ออกกำลังกายเพื่อเลือกอุณหภูมิ




หลายคนอาจจะไม่ชอบอากาศร้อน ดังนั้นควรเลือกออกกำลังกายในตอนเช้าหรือตอนเย็นที่อากาศไม่ร้อนเท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้ ควรออกกำลังกายนอกสถานที่ อาทิเช่นวิ่งขี่จักรยาน ว่ายน้ำ




ออกกำลังกายเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์




เวลาเช้าดีที่สุด เพราะอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์และการออกกำลัง ที่กระฉับกระเฉงจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และออกซิเจนจะถูกนำไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด



และอย่าลืมว่าอาหารนั้นมีผลต่อการออกกำลังกายเสมอ หากเลือกกินผิดประเภทจะทำให้การเผาผลาญพลังงานไม่ดีพอ และสะสมเป็นไขมัน แม้จะออกกำลังกายอยู่เป็นประจำก็ตามที ดังนั้นจึงเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแท้จริง

7 วิธีทำให้รู้สึกหิวน้อยลง

จะลดน้ำหนักและอดอาหารจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่อย่ากังวลไป วันนี้มีวิธีดีๆ มาเล่าสู่ โดยเขาว่าถ้าต้องการควบคุมความอยากอาหารละก็ ลองเริ่มต้นด้วยการ "กินและกิน"


โดยกินให้บ่อย ประมาณ 4 ชั่วโมงครั้ง แต่ต้องกินแค่ผักหรือเนื้อสัตว์ ห้ามคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลเด็ดขาด เพราะจะทำให้หิวยิ่งกว่าเดิม
อย่างที่สอง คือต้อง "กินมื้อเช้า" จะได้ไม่หิวเป็นสองเท่าในมื้อเที่ยง
ข้อสาม ให้ "เคลื่อนไหวมากๆ" ร่างกายจะได้หลั่งสารเอ็นโดฟีนออกมาทำให้ไม่รู้สึกหิว
ข้อสี่ "กินโปรตีนเยอะๆ" เพราะจะช่วยให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน
ข้อห้า "หลีกเลี่ยงงานปาร์ตี้" เพราะบางคนจะกินได้มากขึ้นเมื่ออยู่กับเพื่อน
ข้อหก "ซ่อนขนมขบเคี้ยว" เพราะกลิ่นของมันจะทำให้เราอยากอาหารมากขึ้น
ข้อสุดท้าย "พักผ่อนให้เพียงพอ" ไม่เช่นนั้นร่างกายจะอ่อนเพลียซึ่งจะส่งผลให้หิวมากกว่าปกติ

รสชาติอาหารที่ทาน สามารถทายนิสัยคุณได้

คนที่ชอบ อาหารรสจืด


คนแบบนี้มีนิสัย เป็นคนหนักเอาเบาสู้ ว่านอนสอนง่าย ใครว่าไงก็ว่าตาม พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ไม่ค่อยขวนขวายหรือกระตือรือร้นจนเกินตัว อยู่ง่าย กินง่าย
ส่วนลักษณะในการแต่งตัว ง่ายๆ สบายๆ แต่ข้อเสียก็ คือ มักเป็นคนขี้ใจน้อย ขี้สงสาร ใจอ่อน มักจะโดนคนอื่นหลอกอยู่บ่อยๆ











คนที่ชอบ อาหารรสหวาน





แหม… คุณชอบอาหารรสนี้ ก็แสดงว่า คุณเป็นคนใจบุญ สงสารคนอื่นเขาไปทั่ว อารมณ์ดี ร่าเริงสดใส จนบางครั้งดูเหมือนเกินๆ ไปนิด ชอบกีฬา และโปรดปรานเสียงเพลงเป็นที่สุด
ส่วนทางด้านความรัก จะเป็นคนที่รักง่ายหน่ายเร็ว เบื่อง่าย แต่ ถ้ารักใครก็รักจริง เป็นคนขี้หึงสุดๆ
ข้อเสีย คือ เป็นคนที่มีจิตใจโลเล เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง และก็มักจะเป็นคนที่ช่างฝัน









คนที่ชอบ อาหารรสเค็ม



เฮ้อ… คนที่ชอบอาหารรสนี้ จะเป็นคนมักได้ เป็นคนตระหนี่สุดๆ ส่วนเรื่องของการแต่งตัวก็ชอบแต่งตัวปอนๆ แต่จะเป็นคนที่ขยันทำงาน เก็บเงินเก่ง
ส่วนความรัก จะเป็นคนที่รักใครแล้วจะเก็บไว้ในใจ ไม่ค่อยแสดงออก เป็นคนที่รักความสงบ ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใครๆ นัก เพราะขี้เกียจปวดหัว






คนที่ชอบ อาหารรสเผ็ด




ออกจะเป็นคนที่ค่อนข้างเฉียบขาด อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง โกรธง่ายแต่หายเร็ว ปากร้ายใจดี เป็นคนที่มีความฉลาด ทันคน พูดจาตรงไปตรง มาคิดอย่างไรว่าอย่างนั้น

รวมถึงเป็นคนที่มีความมานะอดทน และมีความเพียรพยายามสูง และจะไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับใคร และถ้าลองได้รักใครแล้วทุ่มสุดตัวเหมือนกันนะ








คนที่ชอบ อาหารรสเปรี้ยว





คนชอบอาหารรสนี้ จะเป็นคนที่ชอบคบค้าสมาคมกับคนทุกระดับ ออกจะไปทางสังคมจัด เป็นคนที่ช่างพูดช่างเจรจา ชอบวางตัวเด่นจนบางครั้งเกินหน้าเกินตาคนอื่น นอกจากนี้ยังเป็นคนที่หาเงินเก่ง และก็ใช้เงินเก่งพอสมควร
ส่วนข้อเสีย คือ ชอบทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน ก็เลยทำอะไรไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จนัก และไม่ชอบทำงานที่ต้องออกแรงเยอะอีกด้วย

4 อาหารต้านภูมิแพ้

4 อาหารต้านภูมิแพ้ การรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ได้ดังนี้




1.กรดไขมันโฮเมก้า-3 ซึ่งพบมากในเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง ผักเบี้ย และผักใบสีเขียวเข็ม รสวมทั้งปลาที่อาศัยในแหล่งน้ำเย็น เช่นปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรล






2. วิตามินซี เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย อาหารที่มีวิตามีนซีสูง ได้แก่ ผักและผลไม้สด ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ฝรั่ง มะเขือเทศ สตรอเบอรี่








3.เควอร์ซิติน เป็นสารฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนซ์ที่มีคุณภาพสูง พบมากในหัวหอม แอ๊ปเปิ้ล ชาเขียว






4. แมกนีเซียม ช่วยในการรักษษหลอดลมอักเสบ และป้องกันโรคหืดได้ แหล่งอาหารที่สำคัญได้แก่ เต้าหู้ ถั่ว ผักใบเขียว ผักกวางตุ้ง สาหร่ายทะเล









ผู้ป่วยภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือ ไขมัน และโปรตีน จากนมและไข่ รวมทั้งน้ำมันมัสตาร์ด เนยถั่ว น้ำมันเนย

อาหารที่ทานแล้วอารมณ์ดี

บทความ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ สุขภาพ เรื่อง อาหารที่ทานแล้วอารมณ์ดี วันนี้เรามี บทความ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ สุขภาพ เรื่อง อาหารที่ทานแล้วอารมณ์ดี มาฝากกันค่ะ เพื่อนๆ จะได้ปราศจาก โรค ภัยไข้เจ็บ แถมยังเป็นอาหารที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย เอาเป็นว่าไปอ่าน บทความ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ สุขภาพ

วันนี้เกร็ดความรู้มีอาหารที่ทานแล้วทำให้อารมณ์ดีมาฝากกัน....




ปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีการวิจัยยืนยันว่า หากขาดกรดไขมันชนิดนี้จะไปสู่อาการซึมเศร้าได้




น้ำมันคาโนลา (Canola Oil) คนที่มีอาการซึมเศร้ามักจะมีระดับวิตามินอีต่ำ ซึ่งน้ำมันคาโนลาสามารถทดแทนได้เพราะมีวิตามินอีสูงมาก อาจใช้น้ำมันคาโนลาปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชก็ได้ แต่ไม่ควรทานเกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ เพราะจะทำให้อ้วนได้





ผักโขม ผักใบเขียวอย่างผักโขมมีโฟเลตสูง ซึ่งโฟเลตมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเซโรโทนิน ลองหันมากินสลัดผักโขมแทนสลัดผักกาดหอมทั่วไป เวลาอารมณ์ไม่ดีก็ช่วยได้




ถั่วชิกพี หรือถั่วหัวช้าง (Chick Pea) มีโฟเลตและวิตามินอีสูง นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก โปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์



ไก่และไก่งวง มีวิตามินบี 6 สูง ซึ่งเป็นสารอาหารอีกชนิดที่มีส่วนสำคัญในการผลิตเซโรโทนิน นอกจากนี้ไก่และไก่งวงยังอุดมด้วยเซเลเนียม วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ

ปลาทูช่วยแก้โรคหัวใจ ??


ปลาทูเป็นอาหารยอดนิยมอีก 1 อย่าง ที่ใคร ๆ ก็คงเคยทานไม่ว่าจะทานกับ น้ำพริก หรือนำไป ทำน้ำพริก กับต้มยำก็อร่อย แต่ใครจะรู้บ้างว่าในตัวปลาทูนั้นก็มี สารโอเมก้า 3 อยู่ด้วย ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ผู้อำนวยการ ศูนย์โรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า

โอเมก้า 3 มีอยู่ในน้ำมันปลา ซึ่งเป็นไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ในเรื่อง ลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ แล้วยังลดโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ รวมทั้งลดความหนืดของเลือด ลดการอักเสบ ทำให้ความข้นในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
การรับประทานน้ำมันปลาจะปรับระดับเลือดในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ



ไขมันปลาประกอบด้วยสาร
• อีพีเอ และ
• ดีเอชเอ

สารกลุ่มนี้จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึก ในเขตหนาว เช่น ปลาไซม่อน ปลาเม็คเคเรล ส่วนในเมืองไทยปลาเหล่านี้มีราคาสูง จึงแนะนำให้รับประทานปลาทู และปลากระพง ทดแทน เพราะในปลาทูจะมีสารโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก ในเนื้อปลาทู 100 กรัม จะมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ปกติในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 3 กรัมต่อวัน

แต่การรับประทานอาหารเสริมน้ำมันปลา ซึ่งมีโอเมก้า 3 นั้น ต้องได้รับการตรวจเช็คจากแพทย์ก่อนว่าร่างกายขาดโอเมก้า 3 หรือไม่ เพราะหากร่างกายได้รับสารโอเมก้า 3 เพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันปลามารับประทาน

สดใสยามเช้า (สำหรับคนนอนดึก)


สำหรับคนที่ต้องนอนดึกอยู่เป็นประจำ

หรือคนที่ต้องนอนดึก ในโอกาสพิเศษต่างๆมาดูวิธีการทำให้ร่างกายสดชื่น สดใส หลังจากต้องตรากตรำอดหลับอดนอนจากการทำภารกิจมาตลอดทั้งคืน


น้ำมะนาว เวลาที่บางคนไปตามสถานบันเทิง เพื่อหาความรู้แปลกๆ ใหม่ๆ ใส่ตัว จากคนที่]เงียบขรึมไม่ค่อยพูด ค่อยจา ก็ยังพาลลืมเนื้อลืมตัวไปกับความมันส์ชนิดที่เรียกว่าสุดเหวี่ยง ลืมคิดไปว่าตัวเป็นนักร้องไปซะเอง พอตื่นเช้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ อาการเจ็บคอก็จะถามหา ขอแนะนำให้หาน้ำมะนาวจะมีกรดมะนาว หรือ กรดซิกตริก แถมมีน้ำมันหอมระเหยอยู่เล็กน้อยพอได้กลิ่นหอมชวนดื่มจากเปลือกที่โดนคั้น แถมยังมีวิตา มิน C ที่นอกจากจะช่วยขับเสมหะแก้อาการเจ็บคอ ยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

น้ำขิง สำหรับคนที่รู้สึกพะอืดพะอม คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน เป็นอาการของคนเมาค้างนั่นเองลองหันมา หาน้ำขิงร้อนๆ ดื่มดีกว่า เพราะขิงจัดเป็นสมุนไพรที่มีรสชาติและกลิ่นพิเศษ ขิงมีสารเคมีชนิดหนึ่งเป็น เป็นสารเคมีประเภทน้ำมันหอมระเหย ให้ทั้งรสและกลิ่น สารตัวนี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่าจินเจอรอล (gingerol) จัดอยู่ในกลุ่มแอลกอฮลล์ แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกมึนเมาได้เป็นอันขาด การทำน้ำขิงให้อร่อยนั้น ให้บุบหัวขิงที่ยังไม่แก่จัดจนเกินไป ต้มด้วยน้ำร้อนพอเดือด หากต้มนานเกินไปขิงจะเสียรสเสียกลิ่นไปได้ มาก จะดื่มเปล่าๆ หรือเติมน้ำตาลให้รสชาติหวานน่ากินหน่อยก็ได้

น้ำผัก น้ำผลไม้ ดื่มง่ายแถมยังอุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด ในน้ำผัก น้ำผลไม้ มีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งเป็น น้ำตาลโดยธรรมชาติของผลไม้หรือผักเอง รวมไปถึงน้ำตาลที่มีการเติมลงไป มีการแต่งกลิ่นและสีให้ดูมี ชีวิตชีวาของผักและผลไม้เข้าไปด้วย สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายช่วยให้เราหายเหนื่อย หายเพลีย ทำ ให้ร่างกายสดชื่น ซ้ำยังมีแร่ธาตุ เช่น โซเดียม โปแตสเซียม สังกะสี ที่จะเข้าไปทดแทนในส่วนที่เสียไป ไม่เพียงเท่านั้นยังมีวิตามินที่สำคัญอีกหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามิน C และวิตามิน A และโฟลิคแอซิด ที่มีอยู่ในผลไม้และผัก

น้ำหวานๆ คนที่นอนดึกส่วนใหญ่จะตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ รู้สึกเกิดอาการเครียดทางประสาท นั่นก็เพราะว่าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารที่มีสามารอาหารของแป้งและน้ำตาลสามารถช่วยได้ โดย เฉพาะน้ำตาลจะดูดซึมได้ดีและง่ายกว่า แต่ถ้าจะเดินเข้าครัวไปหยิบน้ำตาลมานั่งกินเล่นก็ดูจะแปลกอยู่ เพียงน้ำหวานสักแก้วก็สามารถช่วยให้จิตใจสงบขึ้นได้ คลายอาการเครียด xxxง ได้แล้วค่ะ

ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย:ผู้หญิง

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
  
 
ข้อมูลทั่วไป
 
ขอนแก่น นอกจากจะเป็นดินแดนแห่งศิลปะ การทอผ้าไหมพื้นเมือง "ซิ่น มัดหมี่" ที่งดงามลือชื่อแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยว ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และแหล่งท่องเที่ยว ตามธรรมชาติ ที่น่าสนใจ หลายแห่ง รวมทั้ง เขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งเป็นเขื่อนพลังน้ำ แห่งแรกของแผ่นดินที่ราบสูงแห่งนี้
เขื่อนอุบลรัตน์ เปรียบประดุจประทีปดวงแรกที่จุดความสว่างไสว ให้กับพื้นแผ่นดินที่ราบสูง แห่งนี้ ให้ก้าวไปสู่ทิศทาง ของการพัฒนา ที่เจริญทัดเทียม กับภาคอื่นๆ ของประเทศ และนอกเหนือจาก ประโยชน์ นานัปการแล้ว ความสวยงาม ของเขื่อนอุบลรัตน์ และทะเลสาบกว้างใหญ่ ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา เป็นเสน่ห์ดึงดูด นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ให้แวะเวียนมาเยี่ยมชม อย่างไม่ขาดสาย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดียิ่ง
 
การเดินทาง
 
การเดินทางไปชมเขื่อนไปได้ตามทางหลวงหมายเลข 2 (ขอนแก่น-อุดรธานี) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 470-471 ซึ่งห่างจากขอนแก่น 26 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่เขื่อนอุบลรัตน์อีก 24 กิโลเมตร รวมระยะทาง ห่างจากตัวเมือง 50 กิโลเมตร
 
สิ่งอำนวยความสะดวก
 
เมื่อเดินทางถึงเขื่อนอุบลรัตน์ ท่านสามารถจะติดต่อสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับการเยี่ยมชมเขื่อน และสถานที่ต่างๆ ได้ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ณ อาคารที่ทำการ เขื่อนอุบลรัตน์ โทร. (๐๔๓) ๒๒๔๑๓๑ ต่อ ๒๖๖
หากประสงค์จะพักแรม ติดต่อได้ที่ หน่วยที่ทำการบ้านรับรอง เขื่อนอุบลรัตน์ โทร.(๐๔๓) ๒๒๔๑๓๑ ต่อ ๒๖๗ หรือติดต่อสำรองที่พัก ล่วงหน้าได้ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย โทร. ๔๓๖-๓๑๗๙
 
ลักษณะเขื่อน
 
เขื่อนอุบลรัตน์ หรือ ชาวเมืองเรียกกันว่า "เขื่อนพองหนีบ" สร้างปิดกั้นแม่น้ำพอง ที่อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรก ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้สร้างขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นแห่งที่สองของประเทศไทย ที่ก่อสร้างเสร็จหลังเขื่อนภูมิพล
ตัวเขื่อน
เป็นเขื่อนหินถมแกนกลางเป็นดินเหนียว มีความยาว ๘๐๐ เมตร สูงจากพื้นท้องน้ำ ๓๒ เมตร ระดับสันเขื่อนอยู่ที่ ๑๘๕ เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง -รทก.) สันเขื่อนกว้าง ๖ เมตร ฐานเขื่อนกว้าง ๑๒๐ เมตร และที่ระดับเก็บกักปกติสูงสุด ๑๘๒ เมตร (รทก.) อ่างเก็บน้ำมีความจุทั้งหมด ๒,๕๕๙ ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละประมาณ ๑,๗๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ทางปีกขวาของตัวเขื่อนเป็นอาคารระบายน้ำล้น มีช่องระบายน้ำ ๔ ช่อง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สามารถระบายน้ำสูงสุดได้ วินาทีละ ๒,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร

สำหรับอาคารโรงไฟฟ้า ตั้งอยู่ทางปีกซ้าย ของตัวเขื่อน ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต ๘,๔๐๐ กิโลวัตต์ จำนวน ๓ เครื่อง รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น ๒๕,๒๐๐ กิโลวัตต์
เขื่อนอุบลรัตน์ เริ่มงานก่อสร้างเมื่อปี ๒๕๐๗ และสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนอุบลรัตน์ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๐๙
ต่อมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ทำการปรับปรุงเขื่อนอุบลรัตน์ โดยเสริมสันเขื่อนให้สูงขึ้นไปอีก ๓.๑๐ เมตร จากระดับเดิม ๑๘๕ เมตร (รทก.) เป็นที่ระดับ ๑๘๘.๑๐ เมตร (รทก.) ความกว้างสันเขื่อนเท่าเดิม ส่วนฐานเขื่อนด้านท้าย ขยายออกจากเดิม ซึ่งกว้าง ๑๒๐ เมตร เป็น ๑๒๕ เมตร ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี ๒๕๒๗ และปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยเมื่อต้นปี ๒๕๓๐
ประโยชน์หลังจากการปรับปรุง เขื่อนอุบลรัตน์ จะทำให้เขื่อนมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอุทกภัยสูงขึ้น และยังเสริมความปลอดภัย ให้แก่ตัวเขื่อน ซึ่งจากการยกระดับ ของสันเขื่อน จะไม่มีผล ต่อระดับเก็บกักน้ำ ใช้เพื่อการชลประทาน และผลิตกระแสไฟฟ้าในระดับปกติ ทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่อาศัย บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำอีกด้วย
 
ประโยชน์
 
เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ ต่อประชาชน ในด้านต่างๆ ดังนี้
ด้านผลิตไฟฟ้า สามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ ๖๕ ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง
ด้านชลประทาน และการเกษตร น้ำที่ปล่อยผ่านการผลิตไฟฟ้าแล้ว จะส่งเข้าสู่ระบบ ชลประทาน ให้ประโยชน์ แก่พื้นที่เกษตรกรรม ที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดมหาสารคาม จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ ซึ่งสามารถจะเพาะปลูกได้ถึงปีละ ๒ ครั้ง อีกทั้งยัง ปลูกพืชในฤดูแล้งได้ด้วย
ด้านการประมง อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ปัจจุบันเป็นแหล่งประมงขนาดใหญ่ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ทำรายได้ให้แก่ประชาชนในภูมิภาค นี้ในปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพ ของประชาชน ให้สูงขึ้น
ด้านการบรรเทาอุทกภัย ตามปกติก่อนการสร้างเขื่อนน้ำ มักจะท่วมอย่างกะทันหันในฤดูฝน บริเวณแนวฝั่งลำน้ำพอง จนถึงแม่น้ำชี ทำความเสียหายให้แก่เรือกสวนไร่นา ของประชาชนมาก แต่ภายหลังก่อสร้างเขื่อนอุบลรัตน์แล้ว ได้ช่วยบรรเทาภาวะน้ำท่วม ให้ลดน้อยลง
ด้านคมนาคม เขื่อนอุบลรัตน์ ยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ ซึ่งประชาชนใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมาหาสู่กัน อย่างสะดวก และช่วยย่นระยะทาง ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ทั่วไป
 
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
 
ก่อนเดินทางเข้าเขื่อนอุบลรัตน์ ท่านสามารถจะแวะชม สถานที่ท่องเที่ยวตามรายทางที่น่าสนใจ ซึ่งมีทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ หลายแห่ง อาทิ พระธาตุขามแก่น วัดพระบาทภูพานคำ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น บึงแก่นนคร อุทยานแห่งชาตภูเก้า - ภูพานคำ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลาดท่าปลาเขื่อนอุบลรัตน์ และอำเภอชนบท ซึ่งมีการทอไหมพื้นเมือง "ซิ่น มัดหมี่" ที่มีชื่อเสียงมาก
พระธาตุขามแก่น
เป็นโบราณสถานเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดขอนแก่น ลักษณะเป็นเจดีย์ ที่สร้างครอบแก่นมะขาม ที่ตายแล้ว แต่กลับแตกกิ่งก้าน ขึ้นมาใหม่ ประมาณว่า สร้างขึ้นพร้อมกับ พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ จะมีงานฉลองทุกปี (ปัจจุบันนี้ จังหวัดขอนแก่น ได้อัญเชิญ พระธาตุขามแก่น มาเป็นตราสัญลักษณ์ขอจังหวัด)

วัดพระบาทภูพานคำ
ตั้งอยู่บนไหล่เขาภูพานคำ ติดกับเขื่อนอุบลรัตน์ มีพระพุทธรูป (หลวงพ่อพระใหญ่) สูงประมาณ ๑๔ เมตร ซึ่งประดิษฐาน อยู่บนยอดเขา "ภูพานคำ" มีบันไดนาคขึ้นไปหาองค์พระสูง ๑,๐๔๙ ขั้น นับว่าเป็นปูชนียสถาน - ปูชนียวัตถุ ที่สวยงาม ผู้ที่มาเที่ยว เขื่อนอุบลรัตน์ มักจะแวะนมัสการ เพื่อเป็นสิริมงคล

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น
เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแหล่งรวมโบราณวัตถุ ล้ำค่า ที่ขุดได้จาก หน่วยศิลปกรที่ ๗ นำมาตั้งแสดงให้ชม เช่น โบราณวัตถุที่บ้านเชียง ใบเสมา จำหลัก จากเมืองฟ้าแดดสูงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้น

บึงแก่นนคร
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ย่านชุมชน ในเมือง ทำให้เกิดความสง่างาม ประดับตัวเมือง และเป็นแหล่งสนับสนุนกิจการ ท่องเที่ยว ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ
เป็นสถานที่ เพิ่งได้รับการสถาปนา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ อยู่ห่างจากเขื่อนอุบลรัตน์เพียง ๕ กิโลเมตร บรรยากาศ ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ มีทั้งชายเขาสูงชัน และเรียบริมฝั่ง อ่างเก็บน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์ เหมาะสำหรับ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ

มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เป็นมหาวิทยาลัย ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ในพื้นที่อันกว้างขวาง กว่า ๕,๐๐๐ ไร่ อยู่ห่างจาก ตัวเมืองขอนแก่น ๔ กิโลเมตร

ตลาดท่าปลาเขื่อนอุบลรัตน์
จากสันเขื่อนเรียบไปตามไหล่เขา ภูพานคำ ทางปีกขวา ของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์ ประมาณ ๕ กิโลเมตร ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. จะมีชาวประมงจับปลา จากอ่างเก็บน้ำ แล่นเรือเข้าเที่ยวฝั่ง เพื่อนำปลามาจำหน่าย

อำเภอชนบท
แยกจากทางหลวงหมายเลข ๒ ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๓๙๙ ตรงข้ามกับอำเภอบ้านไผ่ เข้าไปอีก ๑๑ กิโลเมตร มีการทอผ้าไหมพื้นเมือง "ซิ่น มัดหมี่" ผ้าไหมอำเภอชนบท มีชื่อเสียงมาก นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่าน มักจะแวะเข้าไปชม และซื้อกันอยู่เสมอ

วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน จีบเพื่อนร่วมงงาน


วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน หากคุณกำลังสนใจสาวในที่ทำงาน เพราะเธอช่างน่ารัก ถูกใจ คงจะเหมาะมาก ถ้าได้เป็นแฟนกัน จะจีบเธอ ก็อาจจะจีบไม่ติด แต่นั่นไม่เป็นไร ยังไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล อย่างแรกที่ต้องทำ คือ เตรียมพร้อมและลงมือทำ จีบไม่ติดก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าคุรไม่หล่อเหลาลากดินอยู่แล้วก็คงไม่มีใครมาสนใจคุณ ถึงเวลานำเสนอตัวเองแล้ว ลุยๆๆๆๆๆ ทำตาม วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน ได้เลย
1. วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน อย่างแรก คุณต้อง ตั้งใจทำงานก่อน การพัฒนาตัวเองก่อน ให้ดูดี และมีศักยภาพ ที่คู่ควรกับเธอ เริ่มได้จาก ความรับผิดชอบในงานที่คุณทำ ไม่ควรปล่อยให้เรื่องจีบสาว มารบกวนจิตใจมากเกินไปนัก แต่ใช้เวลาไปกับการทำงาน ให้ลุล่วงก่อน เวลาในการจีบเธอ ควรเป็นช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน หรือหลังเลิกงาน ในตอนเย็น เมื่อมีสมาธิ จัดการเรื่องงานของตัวเองได้ เรียบร้อย เรื่องการจีบ ก็จะสามารถจัดเวลาได้อย่างเหมาะสม ไม่มารบกวน ระหว่างกันมากนัก จำเอาไว้ ไม่มีใครได้สิ่งทีไม่คู่ควรกับตัวเองมา ทำตัวเองให้คู่ควรกับเธอ แล้วเธอจะคู่ควรกับคุณ
2. วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน อย่างที่สอง คุณต้อง คุยเรื่องงานกับเธอบ้าง เริ่มเปิดบทสนทนา ด้วยเรื่องที่จะสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ คุยเรื่องงาน อาจจะพบว่า มีอะไรที่สามารถ ช่วยเหลือกันได้ เช่นเทคนิคในการใช้โปรแกรม หรือไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการทำงาน ที่คุณอยากนำเสนอ พอเริ่มคุ้นเคย เธอสะดวกที่จะสนทนากับคุณก็ไปคุยเรื่องที่เป็นส่วนตัวได้ บ้านอยู่แถวไหน ชอบทำอะไร รักษาความเป็นมิตรไว้ แต่ถ้าวันไหน ไม่มีเรื่องคุย ยิ้มให้เธอ ก็พอแล้ว จำเอาไว้ ไม่มีใครชอบความเครียด ชอบความไม่เป็นมิตร ถ้าคุณคุยสนุก ไม่เครียด เธอก็จะอยากคุยกับคุณ
3. วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน อย่างที่สาม คุณต้อง เตรียมใจมุ่งมั่น ที่จะจีบให้ติด! ก่อนไปทำงานทุกเช้า ก่อนออกไปทำงาน ทุกวันในตอนเช้า ให้กำลังใจตัวเองว่า ต้องจีบเธอให้ได้! พร้อมยิ้มให้กับตัวเอง ในกระจก จะได้เป็นการช่วยเตือนตัวเอง ให้อย่างน้อย ก็ได้ทำอะไร ที่เข้าข่าย ในการจีบเธอ ในวันนั้นๆ บ้าง หยอดวันละนิด วันละหน่อย ให้เธอรู้สึกดีๆ ซึ่งคุณเองก็จะรู้สึกดี ด้วยเช่นกัน ที่ได้ทำอะไรสนุกๆ ในแต่ละวัน… ถ้าวันไหนรู้สึกว่า หมดกำลังใจ ให้กำลังใจตัวเองสักหน่อยว่า เราทำได้ ! มุ่งๆ มันเข้าไว้ บอกตัวเองว่าคุรทำได้ บอกตัวเองว่าคุณจะสู้
4. วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน อย่างที่สี่ คุณต้อง เริ่มแสดงออกให้เธอรู้ ว่าคุณตั้งใจจีบเธอจริงๆ ขอเบอร์! ถ้าเธอให้ก็โทรไปเมาท์กับเธอ ถ้าเธอไม่ให้ก็รอดูสถานการณ์ต่อไป เพราะเธอเองก็มีเหตุผล ของเธอ รอไปก่อน ค่อยขอเบอร์โทรเธออีกครั้ง 2 -3 วันให้หลัง 1 อาทิตย์ให้หลัง แล้วแต่จะพิจารณา หรือใช้วิธีอื่นๆ เช่น รอเธอหลังเลิกงาน เดินคุยกัน ชวนเธอ ไปชมงานศิลปะ ที่ แกลอรี่ศิลปะ ชวนไปนั่งรถราง รับประทานอาหารอร่อยๆ แถวเยาวราช จังหวะ นี้ ถ้าเธอไว้ใจ ยอมไปเที่ยวกับคุณบ้าง การชวนเธอไปเที่ยว ด้วยกัน ต้องกระชับ เข้าใจง่าย เป็นสถานที่ ที่น่าสนใจ และต้องปลอดภัย ไม่มีใครชอบความกดดัน ไม่มีใครชอบการตื้อ อย่าไปเชื่อคำพูดที่ว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก วิธีแบบนั้นใช้ได้ไม่ทุกกรณี ซึงคุณไม่มีทางเลือกในชีวิตขนาดนั้นหรอก
5. วิธีจีบสาวในที่ทำงาน จีบผู้หญิงในที่ทำงาน อย่างที่ห้า คุณต้อง ประพฤติตัวให้ดี อย่างสม่ำเสมอ เอาล่ะ! ถ้าผ่านช่วงเริ่มต้น ที่เป็นเพื่อน ที่ค่อนข้างสนิทสนมกันแล้ว ก็รักษาคุณภาพข้อ 1 ถึง ข้อ 4 เอาไว้ให้ได้ อาจจะยากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก จนเกินกำลัง จีบต่อไป ให้ติด! และพาเธอ ออกหน้าออกตา ออกสังคม แนะนำให้เพื่อนรู้จัก และก็แนะนำ ให้คนในครอบครัวของคุณ รู้จักเธอต่อไป

เทคนิคการจีบผู้ชาย


4 วิธี " จีบผู้ชาย "
4 วิธีแรก " จีบผู้ชาย " ในออฟฟิต

จีบ ผู้ชาย สาวน้อยสาวใหญ่หลายคนคงบอกว่าไม่กล้าหรือเพราะความเชื่อตั้งแต่สมัยคุณปู่ คุณย่าคุณยายสอนมาว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับหญิงไทยใจงามอย่างเรา ๆ แต่คงจะดูสายไปซะแล้วค่ะกับยุคสมัยนี้ที่ผู้ชายเหลือน้อยและใกล้สูญพันธุ์ อย่างนี้ และยิ่งเป็นผู้ชายที่เป็นชายแท้หน้าตาดี นิสัยดี+รวยเข้าไปด้วยก็ อุ๊บ! ... กลับมาแจ้งข่าวคนเขียนทีเพราะรู้สึกจะหายากมาก ๆ แล้วในสมัยนี้ เมื่อเห็นดังนี้สาว ๆ อย่างเราคงจะนั่งอยู่เฉยไม่ได้แล้วจริงไหมค่ะ อาจจะต้องงัดทิปเด็ด เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาใช้งานบ้างไม่งั้นคงได้ขึ้นคานกันยกใหญ่ ดังนั้นบทความในวันนี้เลยขอนำเสนอ 8 วิธีจีบผู้ชาย มัดใจด้วยเทคนิคเร่งรัด




วิธีจีบผู้ชาย 1 : ตรวจสอบเงื่อนไขสำคัญ

สิ่งนี้สำหรับผู้หญิงอย่างเรานั้นถือว่าจำเป็นมาก ๆ เลยคือตรวจสอบก่อว่าเขา ผู้ชายคนนั้นที่เราหมายปองมีคนสำคัญแล้วรึยัง ถ้ามีแล้วจะจีบต่อ หรือ ว่าถอย อันนี้ก็ต้องแล้วแต่จิตใจของเราแล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้เขามีความสุขดีอยู่แล้วก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ แต่ถ้าแค่มีผู้หญิงมาเกาะเกะอันนี้ยังพออนุโลมได้ แต่ถ้าโสดสนิทก็เตรียมตัวไปข้อสองแล้ววิ่งเข้าใส่ได้เลยค่ะ แต่จู่ ๆ จะให้ผู้หญิงอย่างเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครโสดหรือไม่โสดวิธีดูก็ง่าย ๆ เลย ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนเราอันนี้ไม่ยากค่ะเพราะคงต้องรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเพื่อนของเพื่อนก็ถามเพื่อนสิค่ะง่ายจะตาย แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่ทำงานละ อันนี้อาจจะต้องใช้เทคนิคนิดหนึ่งถ้าเขาเล่น hi5 facebook ละก็ลุยตรวจเลย แต่สำคัญมาก ๆ กว่านั้นคือต้องใจเย็น ๆ ค่ะ ในกรณีที่ผู้ชายคนนั้นยังโสดสนิทอยู่ แต่ถ้าเขาอยู่ในช่วงฮ๊อตสาว ๆ ลุมล้อมนิต้องทำใจเข้าไปวัดดวงเอาค่ะ สำหรับการตรวจสอบขั้นต่อไปก็คือ ไปบ้านเลยค๊าาาา แต่ต้องเช็คดูนิดหนึ่งค่ะว่าปลอดภัยรึเปล่า T - T ( เกิดเป็นหญิงนิก็ลำบากจริง ๆ เลยนะค่ะ ) เหตุที่ต้องไปบ้านเพราะการที่เราได้เจอผู้ใหญ่ในบ้านก็เหมือนการไปเปิดตัว อันนี้ก็วัดใจกันเลยค่ะว่าจะเป็นอะไร เพื่อน - แฟน แต่ถึงเป็นแค่เพื่อน ถ้าเราไปเก็บคะแนนกับคุณแม่หรือคุณพ่อได้ดีโอกาสก็ใกล้เขามาอีกนิดจริงไหม ค่ะ แต่ถ้าโชคดีใจตรงกันก็อาจจะได้เป็นแฟนเลยก็ได้ค่ะ ^ ^a แต่อย่าลืมชวนคุณพ่อคุณแม่คุยแล้วถ้าว่าเขามีแฟนหรือยังนะค่ะ แต่ต้องให้เนียบ ๆ นะค่ะ ไม่งั้นไก่ตื่นหมด


วิธีจีบผู้ชาย 2 : บอกเขาแบบเป็นใน ๆ แต่เปิดเผย

สมัยนี้ปี 2009 จะ 2010 แล้วแต่เชื่อเถอะค่ะว่ามุขเดิมแต่ทันสมัยยังใช่ได้อยู่เสมอกับการเอาขนมไป ให้ แต่เดี่ยวก่อนถ้าคุณเป็นคนหน้าบางละก็การแจกขนมทั้งออฟฟิตต้องไม่ใช่วิธีที่ ดีแน่ ๆ หรือ การซื้อขนมแล้วเอามาให้ในกลุ่มเพื่อน ๆ อันนี้เหมือนไม่ได้บอกเขาเลยว่าเราอะมีใจอยู่นะ ดังนั้นวิธีนี้ถ้าไม่ต้องการให้ใครรู้ลองหาโอกาสอยู่กันสองต่อสองแล้วลองบอก เขาว่า เราป้อนขนมให้เอาไหม วิธีนี้ใช้ได้ดีในกรณีต้องการสื่อว่าเรามีใจให้เขานะ หลังจากพูดไปแล้วลองเช็คปฏิกิริยาดูว่าตอบสนองอย่างไร โดยวิธีนี้สื่อได้หลายอย่างให้ดูทางสีหน้าและอาการ ส่วนการกินขนมหรือไม่กินไม่ใช่ประเด่นหลักนะค่ะ แต่สีหน้าต่างหากที่สำคัญคงไม่ยากเกินไปใช่ไหมค่ะกับการเช็คสีหน้าผู้ชาย อิอิ และข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ต้องเปิดเผยเพื่อนหรือคนทั้งออฟฟิต เพราะการให้ขนมแบบเดิมนิอย่างไรก็ต้องรู้ แต่การป้อนขนมนั้นขึ้นอยู่กับช่วงเวลามากกว่าค่ะ แต่วิธีนี้จะได้ผลดีก็ต่อเมื่อเราทำการสื่อว่าเราชอบโดยทางอื่น ๆ ก่อนอยู่แล้วนะค่ะ แต่วิธีนี้เหมือนการเปิดเผยในอีกขั้นว่าเราชอบเขา
วิธีจีบผู้ชาย 3 : จะจีบเขาต้องเข้าทางเพื่อน

เชื่อรึเปล่าค่ะ เพื่อนนั้นมักจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของเราไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องคนสำคัญด้วยแล้ว การที่เราจะจีบผู้ชายซักคนถ้าเราสามารถตีซี้หรือตีสนิทกับเพื่อนของเขาได้ละ ก็จะเป็นเสมือนทางลัดที่จะไปช่วยเป่าหูความดีและความน่ารักของเรา ให้ผู้ชายที่เป็นเป้าหมายชอบเราได้ไม่ยากเลย น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนภาษาอะไรกับผู้ชายค่ะ ถ้าเราได้เพื่อนเขามาเป่าหูหรือแซวบอกให้มาชอบเราเนี่ยนะอย่างน้อยที่สุุดก็ ต้องมีแอบมองกันบ้างละค่ะ อิอิ


วิธีจีบผู้ชาย 4 : ยิ้มกินใจ กับคำพูดจริงใจ

ถ้าวิธีที่ 1-3 ยังไม่สำเร็จแล้วละก็ต้องลองไม้ตายดูเลยค่ะ ยิ้มค่ะ ยิ้มเอาไว้ ยิ้มอย่างจิงใจ ยิ้มให้เขาเห็นในโอกาสที่เหมาะสมทุก ๆ โอกาสและหาช่วงเวลาดี ๆ บอกความในใจของเราให้รู้เพราะถ้าวิธีที่ 1-3 ไม่ได้ผลแสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแล้วค่ะ แต่การพูดคำพูดจริงใจหรือบอกชอบเขานั้นต้องพูดเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะ สมและสถานที่เหมาะสมจริง ๆ และในช่วงเวลาที่เราจะพูดนั้นสิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเลยคือรอยยิ้มค่ะ จะเป็นจะตายยิ้มไว้ก่อน (ก่อนไปพูดแนะนำทำใจไว้ 50% สำหรับความผิดหวังนะค่ะ )

เกาะพีพี





เกาะพีพี : คือ ส่วนหนึ่งในตำบลอ่าวนาง จ.กระบี่ บนฝั่งทะเลอันดามัน เกาะพีพีรับอิทธิพลลมมรสุมตะวันตก ในเดือน พ.ค. ถึง พ.ย. ทุกปี ช่วงเวลาดังกล่าวจึงไม่สะดวกนักหากเราจะเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะพีพี แต่หากวันใดไม่มีคลื่นลมแรง เราก็สามารถเดินทางไปเกาะพีพีได้ตลอด เรือโดยสารส่วนใหญ่เป็นเรือขนาดความจุ 200 ที่นั่งขึ้นไปค่อนข้างปลอดภัยในการเดินทางไปเกาะพีพี

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากภูเก็ต หรือกระบี่ ไปเกาะพีพีก็ได้ ระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปเกาะพีพีพอๆ กัน เกาะพีพี อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ รวมเอา เกาะพีพีดอน พีพีเล เกาะยูง เกาะไผ่ เกาะเล็กเกาะน้อย และหาดนพรัตน์ธาราเอง เกาะพีพีมีการทำการท่องเที่ยวโดยภาคเอกชนจำนวนมากมานับเป็นเวลาหลายสิบปี เอกชนหลายรายดำเนินการมาก่อนการประกาศเขตพื้นที่ของอุทยานฯ ทางราชการจึงมีการจัดพื้นที่แบบพิเศษ คือให้เกาะพีพีดอนจัดเป็นพื้นที่ทำการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอย่างเข็มข้น ยอมให้มีที่พักของเอกชน และร้านค้าต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก และเกาะพีพีเล ก็ให้ทำการท่องเที่ยวได้อย่างกว้างขวางยกเว้นไม่ให้มีการจัดการจัดสร้างที่พักร้านอาหาร ส่วนเกาะยุง และเกาะไม้ไผ่มีการทำการท่องเที่ยวในรูปแบบอนุรักษ์ดำเนินการโดยอุทยานฯ และเกาะคู่หรือเกาะบิตะ เป็นแหล่งดำน้ำลึกแบบ SCUBA

เกาะเสม็ด



          "เกาะเสม็ด" สถานที่ยอดฮิตพิชิตความร้อนของเมืองระยองฮินั่นเอง  เสน่ห์มัดใจของที่นี่ นอกจากจะมีชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลเย็นใสน่าสัมผัสแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกทั้งยามกลางวันและค่ำคืน ที่สำคัญการเดินทางไปก็ไม่ยากนัก เพราะอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ เท่าไรด้วยนะ

          นอกจากนี้ ภายในเกาะเสม็ด ยังประกอบไปด้วยชายหาดและอ่าวต่างๆ ที่เรียงรายยาวสุดลูกลูกตา ที่นักท่องเที่ยวต่างการันตีว่าถ้าไปถึงแล้วแทบจะไม่อยากกลับเลยทีเดียว

           หาดทรายแก้ว  ชายหาดชื่อคุ้นหู สำหรับนักท่องเที่ยว ที่หลงใหลในความเฮฮาปาร์ตี้  เรียกว่าเป็นหาดที่ไม่เคยหลับ เพราะมีกิจกรรมร้อยแปดให้เลือกสรร เริ่มอุ่นเครื่องในช่วงเช้าด้วยการเล่นน้ำทะเล ต่อด้วยนอนเอกเขนกรับแสงแดดในช่วงกลางวัน จากนั้นมานั่งเล่นยามเย็นชมพระอาทิตย์ตก พอค่ำหน่อยก็ดริ๊งค์แอนด์แดนซ์ใต้แสงจันทร์  โอ๊ย! มันส์หยดติ๋งจนลืมเวลากลับเลยล่ะคะ

           อ่าววงเดือน คึกคักไม่แพ้ หาดทรายแก้ว เพียงแต่อ่าวนี้ยังพอมีมุมสงบ ให้ผู้ที่มีโลกส่วนตัวสูงปลีกวิเวกไปทางด้านหัวอ่าวได้ ส่วนชาวแก๊งค์ที่รักความสนุกสนาน ไปรวมตัวกันที่กลางอ่าวได้เลย

           หาดคลองพร้าว ลักษณะหาดกว้างเป็นครึ่งวงกลม เหมาะสำหรับนั่งชมพระอาทิตย์ตก และที่สำคัญบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับผู้คนที่อยากหลบหนีความวุ่นวายดีนัก  ส่วนชายหาดที่นี่จะกว้างมากชวนเพื่อนฝูงเล่นกีฬาริมหาดได้สบาย

           อ่าวช่อ/อ่าวทานตะวัน อ่าวช่อ และอ่าวทานตะวัน มีโค้งอ่าวที่ติดต่อกัน ทั้ง 2 อ่าวเหมาะที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ อย่างแท้จริง ผู้คนไม่พลุกพล่าน หาดทรายขาว และสวยงาม ลงตัวดีกับวันพักผ่อนของคุณ

           อ่าวทับทิม เป็นอ่าวเล็กๆ ที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนนอนฟังเสียงคลื่นเป็นที่สุด

           อ่าวแสงเทียน เป็นอ่าวที่รักษาความเป็นธรรมชาติไว้ได้มากที่สุด  ฉะนั้นถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว ประเภทกินลมชมวิว นอนนับดาวแล้วละก็ อ่าวแสงเทียน เป็นอีกอ่าวหนึ่ง ที่คุณไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

           อ่าวหวาย อ่าวหวายค่อนข้างไกลจากหัวเกาะ  เรียกว่ายังคงความสวยงามในแบบธรรมชาติได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวที่รักสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัวม๊ากมาก ต้องมาที่อ่าวหวายเท่านั้นค่ะ
 
           อ่าวกิ่วหน้านอก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างแท้จริง เพียงคุณชอบสัมผัสหาดทรายขาวละเอียด ไม่ต้องเบียดเสียดผู้คน พร้อมนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สำคัญใช้เวลาเดินไม่นาน ระยะทางประมาณ 100 เมตรก็จะถึงจุดชมวิว ที่อ่าวกิ่วหน้าใน ที่นี่ถือเป็นแหล่งดื่มกินบรรยากาศที่ดีทีเดียว

           อ่าวกะรัง เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ และชมประการังได้  และยิ่งในช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค.(ปะการัง แค้มปิ้ง) คุณจะได้พบกับนักตกปลามากหน้าหลายตา เพราะพวกเขาแห่กันมาชมปลาอินทรีย์ที่เยอะที่สุด

           อ่าวน้อยหน่า ถึงแม้อยู่ใกล้กับหาดทรายแก้ว แต่บรรยากาศนั้นต่างกันสุดขั้ว (ประมาณว่าอยู่ป่ากับรัชดาซ.4..หุหุ) เรียกว่าใครที่ชอบความเงียบสงบ รักการอ่าน อยากอาบแสงแดดเคล้าน้ำทะเล บริเวณนี้มีพร้อมสรรพรอเพียงคุณหิ้วกระเป๋ามาเท่านั้น

           อ่าวลูกโยน เป็นอีกหนึ่งอ่าวของเหล่าพลพรรครักสงบ เพราะที่นั่นผู้คนไม่พลุกพล่าน  บรรยากาศแถบนั้นก็ชิลล์สุดๆ ถ้าคุณชอบความเงียบสงัดล่ะก็ อ่าวลูกโยนเค้าจัด...ด...ดให้

           อ่าวไผ่ อยู่ใกล้ชิดติดกับหาดทรายแก้ว มีเพียงโขดหินบางๆ คั่นอยู่ นักท่องเที่ยวส่วนมาก จะเหมาเดินเที่ยวหาดทรายแก้ว ไล่ไปจนถึง อ่าวไผ่ ในบริเวณโขดหิน มีวิวสวยงาม เหมาะกับการอาบแดด ถ่ายรูป ฯลฯ มีข้อแนะนำนิดนึงสำหรับผู้ที่ลงเล่นน้ำ ห้ามย่างกรายไปบริเวณที่มีธงสีแดงปักอยู่เป็นอันขาด เพราะตรงนั้นเป็นจุดน้ำวนค่ะ

           อ่าวนวล เป็นอ่าวเล็ก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสมถะ เรียบง่าย เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก 

           อ่าวขาม เป็นอ่าวหิน ที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามา นอกจากจะนั่งเรือผ่านมาขึ้นทางอ่าวพร้าว ลักษณะภูมิประเทศ ของอ่าวขาม คล้ายๆ กับแหลมเรือแตก


การเดินทาง
ผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัว มีหลายเส้นทางให้เลือกดังนี้

         
- เส้นทางแรก ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) จากกรุงเทพฯ ผ่านอำเภอบางปู อำเภอบางปะกง จังหวัดชลบุรี บางแสน ศรีราชา พัทยา หาดจอมเทียน สัตหีบ อำเภอบ้านฉาง ไปจนถึงอำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร

          - เส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 34 (ถนนบางนา-ตราด) เริ่มจากตรงจุดสิ้นสุดทางด่วนด่านเฉลิมนคร อำเภอบางนา ผ่านอำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 ที่กิโลเมตรที่ 70 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากนั้นก็จะผ่านเส้นทางเดียวกันกับเส้นทางที่ 1 รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร

          - เส้นทางที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 36 (บายพาส 36) จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 2 จนถึงกิโลเมตรที่ 140 อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 36 จากนั้นให้เดินทางต่อไปยังจังหวัดระยองด้วยระยะทาง 70 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 210 กิโลเมตร

          - เส้นทางที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 7 (สายมอเตอร์เวย์) เริ่มจากถนนพัฒนาการ เขตประเวศ กรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่ จังหวัดชลบุรี ระยะทาง 75 กิโลเมตร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร จนถึงอำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 175 กิโลเมตร

          และผู้ที่ใช้บริการรถสาธารณะ มีรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ไปยังตัวจังหวัดระยอง และอำเภอต่างๆ ในจังหวัดหลายเส้นทาง ได้แก่

          - สายกรุงเทพฯ - ระยอง, บ้านเพ, แกลง, แหลมแม่พิมพ์, มาบตาพุด, ประแสร์ เป็นต้น

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0  2391 2504

          - สถานีเดินรถโดยสาร จังหวัดระยอง โทร.  0 3861 137 9

          การเดินทางไปเกาะ จะมีเรือจากท่าเรือบ้านเพ บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าโดยสารระหว่างบ้านเพ-เกาะเสม็ด (ไป-กลับ 100 บาท/ท่าน) ใช้เวลาเดินเรือประมาณ 40 นาที ส่วนเรือ speed boat อยู่ที่คนละ  250 บาทหรือเหมาลำประมาณ 1,500 - 2,600 บาท
          การเดินทางบนเกาะ มีถนนเพียงสายเดียว เป็นทั้งถนนคอนกรีตและถนนดิน และบนเกาะก็มีรถสองแถว(TAXI) บริการไปตามหาดต่าง ๆ ค่ารถประมาณ 10-500 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง หากต้องการจะเหมาเที่ยวทั้งเกาะราคาประมาณ 800 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยและสนใจมอเตอร์ไซต์เช่า ราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท


แหล่งข้อมูล:http://hilight.kapook.com/view/9945